การถอน เงินสด จาก บัตร เครดิต เป็นทางเลือกยามฉุกเฉินที่คนไทยใช้เพิ่มขึ้นกว่า 45% ในปี 2025 แต่สถิติล่าสุดพบว่า 68% ของผู้ใช้บริการครั้งแรกประสบปัญหาค่าใช้จ่ายที่สูงเกินคาด เนื่องจากไม่เข้าใจความเสี่ยงและเงื่อนไขที่แท้จริง การรู้ข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยป้องกันปัญหาทางการเงินที่อาจตามมา
ระวังดอกเบี้ยที่เริ่มคิดทันที
ดอกเบี้ยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ถอนไม่มีระยะผ่อนผัน
ความเข้าใจผิดที่พบมากที่สุดคือการคิดว่าดอกเบี้ยจะเริ่มคิดหลังวันสรุปยอดหรือวันครบกำหนดชำระ แต่ความจริงแล้วดอกเบี้ยการถอนเงินสดเริ่มคิดทันทีตั้งแต่วันที่ทำรายการ โดยไม่มีระยะเวลา Grace Period เหมือนการซื้อสินค้า อัตราดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 24 ถึง 28% ต่อปี หรือประมาณ 2% ต่อเดือน
การคิดดอกเบี้ยแบบทบต้นรายวันทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากถอนเงิน 10,000 บาทและไม่ชำระคืนเลย ภายใน 30 วัน จะมีดอกเบี้ยสะสมประมาณ 650 บาท ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารถึง 20 เท่า
ระวังค่าธรรมเนียมแอบแฝงที่สะสมเป็นภูเขา
ค่าธรรมเนียมหลายรายการที่หลายคนมองข้าม
ค่าธรรมเนียมการถอนเงินสดโดยทั่วไปอยู่ที่ 3 ถึง 5% ของยอดที่ถอน หรือขั้นต่ำ 200 ถึง 500 บาท แต่ที่หลายคนไม่รู้คือค่าธรรมเนียมนี้จะรวมเข้ากับยอดเงินต้นที่ต้องเสียดอกเบี้ย ทำให้ต้นทุนรวมสูงขึ้นอีก นอกจากนี้ยังอาจมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าใช้ตู้ ATM ต่างธนาคาร ค่าประกันภัย หรือค่าบริการพิเศษ
ตัวอย่างการคำนวณจริง หากถอนเงิน 20,000 บาท ค่าธรรมเนียม 4% เท่ากับ 800 บาท ยอดหนี้รวมเป็น 20,800 บาท ซึ่งจะเป็นฐานในการคิดดอกเบี้ยรายเดือน ทำให้ต้นทุนจริงสูงกว่าที่คิดไว้มาก
ระวังวงเงินที่ถูกยึดทันที
วงเงินซื้อสินค้าลดลงตามยอดที่ถอน
การถอนเงินสดจะใช้วงเงิน Cash Advance ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวงเงินรวม และเมื่อถอนแล้ววงเงินซื้อสินค้าจะลดลงด้วย ปัญหาที่ตามมาคือผู้ใช้อาจไม่สามารถใช้บัตรซื้อสินค้าได้ตามปกติ จนกว่าจะชำระหนี้คืน สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่าที่คิด
วงเงิน Cash Advance มักจำกัดไว้ที่ 50 ถึง 70% ของวงเงินรวม และมีข้อจำกัดยอดสูงสุดต่อวันและต่อเดือน การวางแผนการใช้วงเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ระวังผลกระทบต่อเครดิตสกอร์
การใช้วงเงินสูงส่งผลเสียต่อคะแนนเครดิต
การถอนเงินสดจำนวนมากจะทำให้อัตราส่วนการใช้วงเงินสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการคำนวณเครดิตสกอร์ หากใช้วงเงินเกิน 30% ของวงเงินรวม เครดิตสกอร์จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อครั้งต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ การชำระเงินล่าช้าหรือชำระเพียงขั้นต่ำอย่างต่อเนื่องจะส่งสัญญาณเสียต่อสถาบันการเงิน ทำให้ได้รับเงื่อนไขที่แย่ลงในสินเชื่อรูปแบบอื่น
ระวังกับดักจิตวิทยาการใช้จ่าย
เงินสดทำให้รู้สึกไม่เท่ากับหนี้จริง
การถอนเงินสดจากบัตรเครดิตสร้างภาพลวงตาทางจิตวิทยาว่าเป็นเงินของตนเอง ไม่ใช่หนี้ที่ต้องชำระคืน พฤติกรรมนี้ทำให้หลายคนใช้จ่ายอย่างไม่รอบคอบ และกลับมาถอนเงินสดเพิ่มเติมเมื่อเงินหมด จนกลายเป็นวงจรหนี้ที่ยากจะหลุดพ้น
การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคไทยพบว่าผู้ที่ถอนเงินสดจากบัตรเครดิตมีแนวโน้มใช้จ่ายเกินตัวมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับการใช้บัตรเครดิตปกติ การตระหนักถึงกับดักนี้จะช่วยให้ควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น
สถิติล่าสุดจากสมาคมธนาคารไทยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่เข้าใจความเสี่ยงและวางแผนการใช้งานอย่างรอบคอบมีปัญหาหนี้บัตรเครดิตน้อยกว่า 75% การลงทุนเวลาเพียงไม่กี่นาทีในการทำความเข้าใจข้อควรระวังเหล่านี้จึงคุ้มค่าอย่างมาก
|