Office Chair: กลไกการทำงานและวัสดุที่แตกต่าง
	อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
	Office Chair เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของพื้นที่ทำงานที่มีผลต่อทั้งความสบายและประสิทธิภาพของผู้ใช้งาน เก้าอี้ที่ดีควรได้รับการออกแบบมาให้รองรับสรีระ ลดอาการปวดเมื่อย และช่วยให้สามารถนั่งทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ 
 
	กลไกการทำงานของเก้าอี้สำนักงาน
	1. ระบบปรับความสูง (Height Adjustment)
	ใช้กลไกไฮดรอลิกเพื่อปรับระดับที่นั่งให้เหมาะสมกับโต๊ะทำงาน 
	ช่วยให้เท้าวางราบกับพื้น ลดแรงกดที่ต้นขาและเข่า 
	2. ระบบเอนหลัง (Tilt Mechanism)
	ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเอนพนักพิงได้เพื่อลดแรงกดบนกระดูกสันหลัง 
	มีทั้งแบบล็อกมุมเอนได้ (Locking Tilt) และแบบปรับแรงต้านตามน้ำหนักตัว (Synchro-Tilt) 
	3. ระบบพนักพิงแบบ Dynamic Support
	ปรับระดับอัตโนมัติตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย 
	ช่วยรองรับแผ่นหลังและปรับสมดุลของกระดูกสันหลังขณะนั่ง 
	4. ที่รองแขนแบบปรับได้ (Adjustable Armrests)
	สามารถปรับความสูงหรือมุมของที่วางแขนให้เหมาะกับสรีระ 
	ลดอาการปวดเมื่อยที่หัวไหล่และข้อมือจากการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน 
 
	วัสดุที่ใช้ผลิตเก้าอี้สำนักงาน
	1. พนักพิง
	- พนักพิงตาข่าย (Mesh Back)
	ระบายอากาศได้ดี ช่วยลดความร้อนสะสมขณะนั่ง 
	รองรับแผ่นหลังได้ดี ลดโอกาสเกิดอาการปวดหลัง 
	- พนักพิงหนัง (Leather Back)
	มีความหรูหรา ทนทาน และดูแลรักษาง่าย 
	เหมาะกับสำนักงานที่ต้องการภาพลักษณ์ที่เป็นทางการ 
	- พนักพิงโฟมบุผ้า (Fabric Upholstery)
	ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและมีความสบาย 
	อาจมีการสะสมฝุ่นมากกว่าพนักพิงประเภทอื่น 
	2. เบาะนั่ง
	- เบาะเมมโมรีโฟม (Memory Foam Seat)
	ปรับรูปตามน้ำหนักและแรงกดทับของร่างกาย 
	ให้ความสบายและรองรับสรีระได้ดี 
	- เบาะโฟมอัดแน่น (High-Density Foam)
	มีความแข็งแรงและรองรับน้ำหนักได้ดี 
	อายุการใช้งานยาวนานกว่าฟองน้ำทั่วไป 
	- เบาะหนัง (Leather Seat)
	ให้ความรู้สึกหรูหราและดูแลรักษาง่าย 
	อาจไม่ระบายอากาศได้ดีเท่าเบาะตาข่าย 
 
	สรุป
	การเลือก Office Chair ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน กลไกที่ปรับได้และวัสดุที่ใช้มีผลต่อความสะดวกสบายและอายุการใช้งาน ควรพิจารณาทั้งความสามารถในการรองรับสรีระ ความยืดหยุ่นในการปรับระดับ และวัสดุที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ 
	  
 
                              
 
  |