 [ คลิกที่รูปเพื่อดูขนาดจริง ]
เมื่อพูดถึงเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หลายคนคงนึกถึงชาเขียว แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีชาเขียวอีกรูปแบบหนึ่งที่มีคุณประโยชน์มากกว่าหลายเท่า นั่นคือ "มัทฉะ" (Matcha) ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในวงการสุขภาพทั่วโลก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับประโยชน์ของมัทฉะ พร้อมความรู้เกี่ยวกับวิธีเลือกและดื่มมัทฉะให้ได้คุณค่าสูงสุด
มัทฉะคืออะไร? ทำไมถึงได้รับความนิยม

ความเป็นมาของมัทฉะ
มัทฉะเป็นชาประเภทนึงที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีการนำเข้ามาจากประเทศจีนตั้งแต่ยุคเฮอัน (Heian) ก่อนจะได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสมัยเซ็น การดื่มมัทฉะไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติ แต่ยังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการชงชาแบบญี่ปุ่น ซึ่งเน้นเรื่องความสงบและสมาธิ
วิธีการผลิตและความแตกต่างจากชาเขียวทั่วไป
มัทฉะทำจากใบชาเขียวที่ปลูกภายใต้ร่มเงาประมาณ 20-30 วันก่อนการเก็บเกี่ยว วิธีนี้ช่วยเพิ่มปริมาณคลอโรฟิลล์และแอล-ธีอะนีนในใบชา หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ใบชาจะถูกนำไปนึ่ง อบแห้ง และบดเป็นผงละเอียด ทำให้มัทฉะมีเนื้อสัมผัสที่เนียนและเข้มข้นกว่าชาเขียวทั่วไป นอกจากนี้ มัทฉะยังบริโภคทั้งใบ ทำให้ได้รับสารอาหารมากกว่าการชงแบบใบชาแห้งทั่วไป
มัทฉะมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
มัทฉะมีสารคาเทชิน (Catechin) ในปริมาณสูง โดยเฉพาะ EGCG (Epigallocatechin Gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและปกป้องเซลล์จากความเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง และโรคหัวใจ
ช่วยเพิ่มพลังงานและความสดชื่น
แม้ว่ามัทฉะจะมีคาเฟอีนเหมือนกาแฟ แต่ก็มีแอล-ธีอะนีน (L-Theanine) ซึ่งช่วยให้ร่างกายตื่นตัวโดยไม่ทำให้ใจสั่น คาเฟอีนจากมัทฉะถูกดูดซึมอย่างช้า ๆ ทำให้ให้พลังงานต่อเนื่องและลดความเมื่อยล้า
ส่งเสริมการทำงานของสมอง
การดื่มมัทฉะช่วยเพิ่มความสามารถในการโฟกัสและความจำ เนื่องจากแอล-ธีอะนีนมีผลกระตุ้นคลื่นอัลฟาในสมอง ซึ่งช่วยให้รู้สึกสงบ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
ช่วยเผาผลาญและควบคุมน้ำหนัก
สารคาเทชินในมัทฉะช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญไขมัน และมีบทบาทในการควบคุมน้ำหนัก งานวิจัยพบว่าผู้ที่บริโภคมัทฉะสามารถเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม
ดีต่อสุขภาพหัวใจ
มัทฉะสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และช่วยรักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ทำให้ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
วิธีดื่มมัทฉะให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ดื่มแบบร้อนหรือเย็น แบบไหนดีกว่า?
ทั้งมัทฉะร้อนและเย็นมีประโยชน์ แต่การชงร้อนช่วยปลดปล่อยสารต้านอนุมูลอิสระได้ดีขึ้น ในขณะที่มัทฉะเย็นให้ความสดชื่นและดื่มง่ายกว่า ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล
ดื่มตอนไหนดีที่สุด?
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดื่มมัทฉะคือช่วงเช้าหรือก่อนออกกำลังกาย เพราะช่วยเพิ่มพลังงานและสมาธิ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรดื่มช่วงเย็นหรือก่อนนอน เพราะอาจส่งผลต่อการนอนหลับ
คำแนะนำในการชงมัทฉะให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
-
ใช้น้ำอุณหภูมิประมาณ 70-80°C เพื่อป้องกันไม่ให้ชาเสียรสชาติ
-
ใช้ช้อนชงมัทฉะ (Chasen) เพื่อให้ผงชาละลายได้ดีและเกิดฟองละเอียด
-
ปรับอัตราส่วนผงมัทฉะและน้ำให้เหมาะสมตามความเข้มข้นที่ต้องการ
ข้อควรระวังในการดื่มมัทฉะ
ดื่มมากเกินไปส่งผลเสียอย่างไร?
แม้ว่ามัทฉะจะมีประโยชน์ แต่การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการใจสั่น กระวนกระวาย หรือปัญหาทางเดินอาหารได้ การดื่มในปริมาณที่เหมาะสมคือวันละ 1-2 แก้ว
ใครควรระวังในการบริโภคมัทฉะ?
-
ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่ม
-
ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง ควรหลีกเลี่ยงการดื่มพร้อมมื้ออาหาร เพราะอาจลดการดูดซึมธาตุเหล็ก
-
สตรีมีครรภ์ควรจำกัดปริมาณการดื่ม เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากคาเฟอีน
|